'MedUMORE' แพลตฟอร์มคลังความรู้การแพทย์ ดีที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก
คณะแพทย์ฯ จุฬา ร่วมกับ 10 องค์กรการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทยและลาว ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์ม MedUMORE โดยมีภาคีเครือข่าย ดังนี้?
● แพทยสภา
● สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย
● สมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย
● สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
● สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย
● ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
● สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย
● สภาเทคนิคการแพทย์
● Faculty of Medicine, University of Health Sciences, Lao People’s Democratic Republic.
● สมาคมนักสังคมสงเคราะห์ทางการเเพทย์ไทย
การเรียนแพทย์แบบก้าวกระโดด 1-2-10 Med Ed Exponential เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่คณะแพทย์จุฬาฯ พัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ “MedUMORE” โดยแนวคิด 1-2-10 (1 to 10) Med Ed Exponential ซึ่ง 1 หมายถึงวิสัยทัศน์ของ ในการเป็นผู้นำด้านคลังความรู้ออนไลน์ด้าน สุขภาพการแพทย์และสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 2 หมายถึงการดำเนินงาน มาเป็นปีที่ 2 และมีการเข้าชมกว่า 2 ล้านครั้ง สามารถรองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่และการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดเพียงแค่ในตำรา โดยรวบรวมเนื้อหา จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ตลอดจนการประชุมวิชาการ และ 10 หมายถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการศึกษาทางด้านการแพทย์ หรือแบบ Exponential โดยการมีภาคีเครือข่ายเข้าร่วมให้ความรู้ทางการแพทย์และประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของบุคลากรจาก 10 องค์กรแพทย์ ส่งเสริมให้ MedUMORE เป็น นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ สู่การเผยแพร่องค์ความรู้ทุกมิติบน Digital Platform ที่มีมาตรฐานเชื่อมต่อผู้ใช้งานทั่วโลก ให้สามารถเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็ว ต่อเนื่องและปลอดภัย
- รศ. นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “MedUMORE ในฐานะผู้ขับเคลื่อน องค์ความรู้ทางการแพทย์ยุคใหม่ เป็นแพลตฟอร์มของคนไทย ที่คนต่างชาติเข้ามา เรียนรู้ เป็นศูนย์กลางแหล่งสืบค้นข้อมูลทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สอดรับกับ Future Healthcare และอนาคตการศึกษาเพื่อการแพทย์ และสาธารณสุข ของไทย ที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยและสังคมโลกดีขึ้น”
- ศ. พญ.นิจศรี ชาญณรงค์ รองคณบดี ฝ่ายบริการวิชาการคณะ แพทยศาสตร์ จุฬาฯกล่าวว่า “ทิศทางการดำเนินงานในอนาคตอันใกล้ “MedUMORE” จะขยายความร่วมมือ กับกลุ่มพันธมิตรไปในองค์กรต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีข้อมูล ที่หลากหลาย เหมาะกับนิสิตนักศึกษาแพทย์ยุคใหม่ที่ต้องการข้อมูล ความรู้ที่รวดเร็ว ทันสมัย จนในที่สุด จะสามารถพัฒนาให้ “MedUMORE” เป็นศูนย์กลางความรู้ออนไลน์ ด้านการแพทย์ที่ครอบคลุมที่สุด พร้อมทั้งจัดระบบองค์ความรู้ด้านการแพทย์ที่มีอยู่ใน หลาย Platform ให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อเชื่อมต่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมวิชาการในรูปแบบใหม่ โดยที่จะบูรณา การองค์ความรู้ทางการแพทย์ สู่ความเป็นเลิศลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงระบบการ ศึกษา และสร้างความเท่าเทียมด้านสาธารณสุข รวมทั้งเป็นผู้นำและศูนย์กลางการเรียนรู้ ระดับนานาชาติ”
- ผศ.(พิเศษ) นพ.สุรินทร์ อัศววิทูรทิพย์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เสริมว่า “MedUMORE” ได้รวบรวม คอนเทนต์ด้านการแพทย์ไว้มากกว่า 2,000 คอนเทนต์ และคอร์สเรียนออนไลน์เนื้อหา ด้านการแพทย์มากกว่า 900 คอร์สเรียน
“ความพิเศษของแอปพลิเคชัน “MedUMORE” จะมีระบบจดจำ ประวัติการเข้าเรียน สามารถแนะนำเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียนตามความสนใจ ในแต่ ละบุคคล เหมาะสำหรับนักเรียน นิสิตและนักศึกษาแพทย์ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และคอร์สชมฟรี สำหรับประชาชนแบบไม่ต้อง Login เมื่อเรียนแล้วยังสามารถทำแบบ ทดสอบวัดความเข้าใจ และได้รับ Certificate เมื่อเรียนจบอีกด้วย”
- ศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการแทน อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ปัจจุบันเราไม่ได้ก้าว ตามโลกอีกต่อไป แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะก้าวล้ำโลก เราเป็นผู้ที่ชี้นำในระดับโลก ความเป็น Pioneer หมายความว่าเรามีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เป็นผู้นำ (Leading) กล่าวโดยสรุปคือ เรานำองค์ความรู้มาชี้นำสังคม ชี้นำประชากรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และนี่คือบทบาทที่ยิ่งใหญ่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”
- พล.อ.ท. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ” MedUMORE ตอบโจทย์หลายอย่างมากๆ ให้คุณหมอหลายท่าน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่ไม่มีเวลาเดินทางมาเข้าประชุมวิชาการ สามารถอัพเดทความรู้ ที่ ทันสมัยอยู่เสมอ ปัจจุบันแพทยสภาได้นำองค์ความรู้หลายชุดใส่เข้าไป และให้แพทย์ เข้ามาทดลองเรียนรู้ ซึ่งเกิดประโยชน์อย่างมาก ตอบโจทย์การรักษาเป็นอย่างมาก แพทย์ สามารถศึกษาหาความรู้ได้จากที่ใดก็ได้ และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ได้ทันที ให้กับคนไข้ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลให้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เท่าเทียมกับการรักษาในเมืองหลวง”