โรคต้อหิน ตรวจพบไว รักษาได้ ตาไม่บอด

เกิดจากความผิดปกติของขั้วประสาทตาและเส้นใยประสาทตาโดยรอบมีการบางลงอย่างมีลักษณะจำเพาะ ตามมาด้วยเซลล์ประสาทตาฝ่อลง ส่งผลให้ตามัวและร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้

อาการ

90% ของผู้ป่วยโรคต้อหินไม่แสดงอาการในช่วงแรก ไม่ปวด ไม่เจ็บ แต่จะแสดงอาการในช่วงระยะท้ายของโรคเมื่อการมองเห็นแย่ลงมาก เช่น ตามัว การมองเห็นรอบข้างแย่ลง อาจไม่เห็นวัตถุด้านข้าง ทำให้เดินชน บาดเจ็บ หกล้มได้ ถ้าเป็นมาก การมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็จะเสียไปจนมองไม่เห็นเลย หรือสังเกตได้ว่ากระจกตาขาวขุ่น

โรคต้อหินชนิดที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ซึ่งพบน้อยกว่าชนิดที่ไม่แสดงอาการ มีลักษณะดังต่อไปนี้

1. ตาแดง ปวดตามาก

2. ตามัวลง

3. มองเห็นแสงจ้ารอบหลอดไฟ

4. ปวดหัวรุนแรง ข้างเดียวกับตาที่ปวด

5. อาจมีคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

กลุ่มเสี่ยงของโรคต้อหิน

1. อายุ 40 ปีขึ้นไป

2. ผู้ที่มีความดันลูกตาสูงเกินค่าปกติ

3. เชื้อชาติ

– คนเอเชีย อาจพบต้อหินชนิดมุมปิดได้ง่ายกว่าคนตะวันตก

– คนเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี อาจพบต้อหินชนิดความดันตาไม่สูงมากกว่าคนในภูมิภาคอื่น

– คนสแกนดิเนเวียจะพบต้อหินจากภาวะ Pseudoexfoliation ได้ง่ายกว่า

– มีญาติสายตรงเป็นต้อหิน

– สายตาสั้นมากหรือยาวมาก

– เคยมีอุบัติเหตุทางตา

– ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ โดยเฉพาะยาหยอดตา

การรักษา

1. การใช้ยาหยอดตา

2. การใช้เลเซอร์

3. การผ่าตัด

การพิจารณาใช้วิธีไหนนั้น ขึ้นกับชนิดของต้อหิน และ หรือ ความรุนแรงของโรค

การป้องกัน

1. พบจักษุแพทย์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2. หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนรุนแรงที่ดวงตา

3. ระวังการใช้ยาหยอดที่มีสเตียรอยด์โดยไม่ปรึกษาแพทย์

โรคต้อหิน หากตรวจคัดกรองได้เร็วหรือพบโรคได้ในระยะเริ่มต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาควบคุมโรคได้เร็วขึ้น และป้องกันไม่ให้สูญเสียการมองเห็นอย่างรุนแรงได้

”ลงทะเบียนเพื่อปลดล็อกบทเรียนที่เหมาะสมกับคุณ”