ทำความรู้จักโรคแพนิก มีอาการและวิธีรับมืออย่างไร
คุณเคยรู้สึกหัวใจเต้นแรง หายใจไม่ออก และกลัวจนตัวสั่นโดยไม่มีสาเหตุชัดเจนหรือไม่? หากเคย คุณอาจกำลังเผชิญกับโรคแพนิก โดยไม่รู้ตัว! ภาวะที่หลายๆคนไม่เข้าใจ และสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างคาดไม่ถึง แพนิกไม่ใช่แค่ความกลัวธรรมดา แต่เป็นความกลัวร่วมกับอาการทางร่างกายที่รุนแรงจนควบคุมไม่ได้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่มีสัญญาณเตือน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคแพนิก
โรคแพนิก คืออะไร?
โรคแพนิก คืออะไร มาทำความรู้จักกันให้ชัดๆ แพนิกเป็นความผิดปกติทางจิตใจที่ทำให้เกิดอาการตื่นตระหนกที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาการมักเกิดขึ้นแบบฉับพลันและรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวลสุดขีด ราวกับกำลังเผชิญอันตรายร้ายแรง ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีภัยคุกคามใดๆ ซึ่งมีตัวกระตุ้นได้หลากหลาย เช่น ความเครียดที่กระทบกับจิตใจอย่างรุนแรง การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้สารกระตุ้น จึงส่งผลทำให้การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติไป ผู้ป่วยอาจกลัวการเกิดอาการที่คาดเดาไม่ได้นี้จนไม่กล้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และเสียโอกาสในการเรียนหรือทำงาน
8 อาการของ โรคแพนิก
โรคแพนิก (Panic Disorder) หรือโรคตื่นตระหนก เป็นหนึ่งในโรควิตกกังวลที่ผู้ป่วยจะมีอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน โดยมีอาการสำคัญ 8 ประการ
1. ใจสั่น ใจเต้นแรงหรือใจเต้นเร็วมาก
ความรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วและแรงผิดปกติ บางครั้งรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมานอกอก
2. เหงื่อออก ตัวสั่น มือเท้าสั่น
ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ร่วมกับอาการตัวสั่น มือสั่น เท้าสั่น อาการเหล่านี้เป็นผลจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
3. หายใจติดขัด รู้สึกอึดอัด หรือแน่นหน้าอก
ผู้ป่วยหลายคนมีอาการหายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม หรือรู้สึกแน่นหน้าอก บางรายอาจรู้สึกเจ็บหน้าอกร่วมด้วย อาการนี้เกิดจากการหายใจเร็วและตื้นเกินไปเนื่องจากความตื่นตระหนก
4. คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน รู้สึกวิงเวียน โคลงเคลง มีนตื้อ หรือจะเป็นลม
ในบางครั้งจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องไส้ปั่นป่วน ร่วมกับอาการวิงเวียนศีรษะ รู้สึกโคลงเคลง มึนงง หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
5. ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่นร้อนวูบวาบเหมือนจะเป็นไข้
รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ สลับกันไปมา หรือรู้สึกร้อนวูบวาบตามตัว อาการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายเนื่องจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ
6. รู้สึกชา หรือรู้สึกซ่า ๆ แต่ไม่อ่อนแรงชัดเจน
อีกทั้งยังมีอาการชาหรือรู้สึกซ่าๆ ตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ปลายมือปลายเท้า แต่ไม่มีอาการอ่อนแรงชัดเจน อาการนี้เกิดจากการหายใจเร็วเกินไปทำให้ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดลง
7. รู้สึกเหมือนสิ่งรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป
ผู้ที่มีสถาวะของอาการแพนิกจะรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป เหมือนอยู่ในความฝัน หรือรู้สึกแปลกแยกจากตัวเอง
8. กลัวการคุมตัวเองไม่ได้กลัวว่าตนเองกำลังจะตาย
เกิดอาการตื่นตระหนกความกลัวอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อันเนื่องมาจากอาการหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นต่อร่างกายโดยไม่คาดคิด จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้น
สาเหตุของอาการแพนิก
สาเหตุของโรคนี้มีความซับซ้อนและเกิดจากปัจจัยหลายประการทั้งทางร่างกายและจิตใจ การทำความเข้าใจ โดยทั่วไปแล้ว สาเหตุของอาการแพนิกสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก คือ สาเหตุทางร่างกายและสาเหตุทางจิตใจ ซึ่งมักจะมีความเกี่ยวข้องและส่งผลซึ่งกันและกัน
สาเหตุทางร่างกาย
สาเหตุทางร่างกายของอาการแพนิกมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและระบบประสาทเป็นหลัก หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือความผิดปกติของสมองส่วน ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมความกลัวและการตอบสนองต่อความเครียด อาจทำให้เกิดอาการตื่นตระหนกโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน นอกจากนี้ ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีบทบาทสำคัญ โดยผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นแพนิกมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุลและนำไปสู่อาการแพนิก
สาเหตุทางจิตใจ
อาการแพนิกมีความสัมพันธ์กับความเครียดและความวิตกกังวลที่เรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากการเผชิญกับสภาวะกดดันหรือเหตุการณ์รุนแรงในชีวิตได้
วิธีรับมือกับอาการแพนิก
1. ตั้งสติและพยายามควบคุมการหายใจ โดยหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ
2. ระลึกไว้เสมอว่าอาการแพนิกเป็นเพียงอาการชั่วคราวและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
3. หาจุดสนใจอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการ เช่น โฟกัสกับวัตถุรอบตัว
4. ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การคลายกล้ามเนื้อ การนั่งสมาธิ
5. จินตนาการถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกมีความสุขและสงบ
6. ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน หรือว่ายน้ำ
7. ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์เพื่อช่วยผ่อนคลาย
คำแนะนำจากแพทย์
หากมีอาการเหล่านี้ซ้ำสัปดาห์ละหลายครั้งควรพบแพทย์ เนื่องจาก โรคแพนิก สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้โดยการรักษาด้วยการใช้ยาควบคู่กับการรักษาจิตใจ พร้อมกับมีสติไม่แตกตื่นกับโรค เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติหลังการรักษา และไม่กังวลใจกับอาการเหล่านั้นอีกต่อไป
บทความฉบับนี้เป็นเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI Generated Content) ซึ่งพัฒนาต่อยอดจาก Infographic เรื่อง โรคแพนิก
(Link: https://www.medumore.org/infographic/panicdisorder) ที่จัดทำโดย อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่
- เช็กด่วน! คุณกำลังเข้าสู่ภาวะหมดไฟหรือไม่ พร้อม 10 วิธีแก้ไข
- อาการเวียนหัวบ้านหมุน สัญญาณเตือนโรคร้ายที่ต้องระวัง
- โรคต้อลม ต้อหิน ต้อกระจกต่างกันไหม? อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันที่คุณควรรู้
- โรคพุ่มพวงคืออะไร? อาการที่พบบ่อยในระยะแรกที่เริ่มเป็น
ติดตามข้อมูลข่าวสาร และการอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับ คอร์สเรียนแพทย์ ความรู้ทางการแพทย์ ได้ที่ Facebook: MDCU MedUMORE