ไมเกรน คือ อะไร ปวดหัวไมเกรน เข้าใจและรับมือให้ถูกวิธี
หลายคนอาจเผชิญกับอาการปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง จนไม่ทราบสาเหตุ และคิดว่าเป็นเพียงอาการปวดหัวธรรมดาจากการพักผ่อนน้อย กินยาก็หาย แต่จริง ๆ แล้ว อาการปวดหัวอย่างหนัก อาจเป็นไมเกรนก็ได้ คนที่เคยปวดหัวไมเกรนจะเข้าใจดี ว่าส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมาก หลายคนปวดมากจนทำงานไม่ได้ เรียนหนังสือไม่ได้ ต้องหาที่นอนพักผ่อน อาการนี้จึงไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดทางกายภาพ แต่ยังส่งผลต่ออารมณ์และความสามารถในการทำงานอีกด้วย
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับโรคปวดหัวไมเกรนกันว่าคืออะไร พร้อมสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ รวมถึงวิธีป้องกันที่ทุกคนควรรู้
ทำความรู้จักกับอาการ ปวดหัวไมเกรน
หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่า ปวดหัวไมเกรน เป็นแค่การปวดหัวธรรมดาที่เกิดจากความเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ความจริงแล้ว ไมเกรนเป็นโรคที่มีความซับซ้อน เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน และสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับไมเกรนอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรามาทำความรู้จักกับอาการนี้กัน
ปวดหัวไมเกรน คืออะไร
ปวดหัวไมเกรน คือ โรคปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่มักมีอาการปวดศีรษะข้างเดียว โดยอาจปวดสลับข้างซ้าย-ขวาได้ มักเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย (เช่น อาการคลื่นไส้หรืออาเจียน อาการแพ้แสงแพ้เสียง หรืออาการสมองตื้อ เป็นต้น) หลายคนอาจคิดว่ามีสาเหตุมาจากความเครียด แต่เเท้จริงแล้วไมเกรนมีปัจจัยกระตุ้นที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไปในผู้ป่วยแต่ละคน อาการปวดมักจะรุนแรงตั้งแต่น้อยไปมาก จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยโรคไมเกรน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ไมเกรนประเภทครั้งคราว ปวดไม่เกิน 15 วันต่อเดือน และไมเกรนประเภทเรื้อรัง ปวดอย่างน้อย 15 วันต่อเดือน
สิ่งกระตุ้นให้อาการปวดหัวไมเกรนกำเริบ
การกำเริบของการปวดไมเกรนในแต่ละคนนั้นมักเกิดจากสิ่งกระตุ้นที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับผู้ป่วยไมเกรนหลายรายพบว่าอาการอาจกำเริบขึ้นมาเองโดยไม่มีเหตุกระตุ้นเลยก็เป็นได้ สำหรับสิ่งกระตุ้นที่มักพบได้บ่อย มีดังนี้
- พักผ่อนน้อย นอนดึก อดนอน นอนหลับไม่สนิท การอดนอนหรือนอนหลับไม่เต็มที่ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นอีกสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดไมเกรน ทำให้ร่างกายเกิดความเครียด และ สมองขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ
- การเปลี่ยนแปลงทางสภาพจิตใจ เช่น ความเครียด ความกังวล โดยสภาพจิตใจมีส่วนสำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบประสาท และถ้ามีความเครียดพร้อมกับไมเกรนในเวลาเดียวกันก็จะส่งผลให้อาการปวดหัวหนักขึ้นไปอีก
- การอยู่ในที่แสงจ้า หรือ การจ้องหน้าจอที่มีความเข้มของแสงมากเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้าของดวงตาจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนได้เช่นกัน
- การอยู่ในที่เสียงดังเกินไป เพราะผู้ที่มีอาการไมเกรนจะมีความไวต่อเสียงจากประสาทสัมผัสที่ได้รับมากกว่าคนทั่วไป
- การได้กลิ่นที่รุนแรง เช่น กลิ่นน้ำมันรถ กลิ่นสี กลิ่นทินเนอร์ กลิ่นสารเคมี รวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมต่างๆ เนื่องจากการตอบสนองต่อกลิ่นอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว
- การปวดตึงบริเวณศีรษะ คอ บ่า ไหล่ หากปวดตึงอยู่นานอาจกระตุ้นให้อาการไมเกรนกำเริบได้
- อาหารบางชนิด เช่น เนย ช็อคโกแลต ถั่ว อาหารหมักดอง ซึ่งสารอาหารบางชนิดในอาหารเหล่านี้ถ้ารับประทานในปริมาณมากหรือต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไมเกรน
- เครื่องดื่มบางชนิด เช่น ไวน์แดง เบียร์ แชมเปญ เครื่องดื่มเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดหรือระดับของสารเคมีในสมองเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้
ลักษณะของอาการเป็นอย่างไร
- อาการของไมเกรนแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป โดยลักษณะอาการที่เหมือนจะเป็นไมเกรนสามารถสังเกตได้ ดังนี้
- ปวดศีรษะซีกเดียว หรือบางทีสลับซีกได้ บางครั้งสามารถปวดได้ทั้งสองซีก
- ปวดแบบเป็นๆ หายๆ หากไม่ได้รับประทานยาแก้ปวดจะปวดครั้งหนึ่งนานหลายชั่วโมง หรือ เป็นวันได้
- หากอาการปวดรุนแรงมาก จะรู้สึกปวดตุ้บ ๆ ได้
- ในช่วงที่ปวดรุนแรง จะรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
- ยิ่งเจอแสงจ้า เสียงดัง กลิ่นแรง ยิ่งมีโอกาสทำให้มีอาการปวดหนักขึ้น
- บางรายอาจมีอาการล่วงหน้าเป็นสัญญาณเตือนก่อนปวดหัว
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์
- เมื่อไม่แน่ใจว่าปวดไมเกรนหรือไม่ ควรพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยให้ถูกต้อง
- เมื่อเกิดความถี่ของอาการปวดศีรษะมากขึ้น และต้องใช้ยาแก้ปวดบ่อยครั้ง
- เมื่อยาแก้ปวดทั่วไป ไม่สามารถลดอาการปวดศีรษะได้
- เมื่ออาการปวดศีรษะ คอ เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็น เพราะอาการที่เปลี่ยนไปนั้นอาจเกิดจากการมีโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาได้
วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ ปวดหัวไมเกรน
แนะนำวิธีป้องกันและบรรเทาอาการที่สามารถทำตามกันได้ง่าย แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
วิธีบรรเทาอาการไมเกรน (กรณีเกิดอาการแล้ว)
- รับประทานยาบรรเทาอาการหรือยาแก้ปวด อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยาที่เหมาะสมกับอาการ
- พักผ่อน ลองหาที่เงียบสงบ มืด และเงียบ เพื่อพักผ่อน
- ประคบเย็น ใช้ผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประคบบริเวณหน้าผาก ขมับ หรือท้ายทอย
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ให้ปวดแรงขึ้น เช่น แสงเสียงดัง กลิ่นแรง
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้ไมเกรนกำเริบ
- ระบุสิ่งกระตุ้น จดบันทึกสิ่งที่ทำ กิน หรือสถานการณ์ที่ทำให้เกิดไมเกรน เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นนั้น ๆ
- การนอนหลับ นอนให้เพียงพอ นอนเป็นเวลา
- การรับประทานอาหาร รับประทานอาหารให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
- การออกกำลังกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยไม่หนักจนเกินไป
- การจัดการกับอากรปวดตึงคอบ่าไหล่ ไม่ว่าจะเป็นโดยการยืดกล้ามเนื้อ การนวดไทย การทำกายภาพบำบัด การฝังเข็ม หรือการประคบ
- การจัดการความเครียด ฝึกผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ
- ใช้ยาป้องกัน สำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรนบ่อยครั้ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาป้องกันเพื่อลดความถี่ของการกำเริบ
- รักษาโรคประจำตัว หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ ควรควบคุมโรคให้ดี
แนวทางการรักษาโดยการใช้ยา
- ยารักษาไมเกรน สามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 จำพวกหลัก ๆ ได้แก่ ยาบรรเทาอาการ (ยาแก้ปวด) และยารักษาเพื่อลดความถี่ของการกำเริบ (ยาป้องกัน)
- หากอาการปวดไมเกรนกำเริบไม่บ่อยมากนัก (เช่น ไม่เกิน 4 ครั้งต่อเดือน) และอาการปวดแต่ละครั้งนั้นไม่รบกวนชีวิตประจำวันจนเกินไป สามารถรับประทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เพื่อบรรเทาอาการปวดในแต่ละครั้งได้ โดยต้องรับประทานยาในขนาดที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- แต่หากอาการปวดไมเกรนเป็นอยู่บ่อยครั้ง (เช่น เกิน 4 ครั้งต่อเดือน) หรือ อาการปวดแต่ละครั้งรุนแรงจนรบกวนชีวิตมาก หรือ รับประทานยาแก้ปวดทั่วไปแล้วไม่ได้ผล/เกิดอาการข้างเคียงจากยา หรือ มีข้อห้ามใช้ยาแก้ปวดทั่วไป หรือไม่แน่ใจว่าอาการปวดเป็นไมเกรนจริงหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยให้ถูกต้องและให้คำแนะนำในการใช้ยาแก้ปวดเฉพาะไมเกรน หรือ ยาป้องกันไมเกรน ตามความเหมาะสมต่อไป
- ทั้งนี้หากไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้ป่วยไมเกรนควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่มที่เป็นอนุพันธุ์ของฝิ่น (opioids) เช่น ยาแก้ปวดทรามาดอล เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการติดยาสูง และการใช้ที่มากเกินไปยังมีผลทำให้การทำงานของระบบรับรู้ความเจ็บปวดมีความไวขึ้นได้มากกว่ายากลุ่มอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้อาการปวดศีรษะเป็นมากขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
- ปวดหัวไมเกรน เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้ เมื่อรู้วิธีและนำไปปรับใช้อย่างถูกต้อง
by ผศ. นพ.เสกข์ แทนประเสริฐสุข (Author)
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่
- รู้ทันอาการนำของ โรคพาร์กินสัน เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
- คู่มือ ปฐมพยาบาล เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บจากเล่นกีฬา ต้องทำอย่างไร
- ไมเกรน คือ อะไร ปวดหัวไมเกรน เข้าใจและรับมือให้ถูกวิธี
- เช็กให้ชัวร์ ! อาการใจสั่น สัญญาณเตือนโรค หรือแค่ความเครียด
ติดตามข้อมูลข่าวสาร และการอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับ คอร์สเรียนแพทย์ ความรู้ทางการแพทย์ ได้ที่ Facebook: MDCU MedUMORE